About Us

ประวัติความเป็นมาของบริษัท

 

บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “EFORL”) เดิมชื่อ บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน) (“AIM”) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50.0 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการและผลิตสื่อโฆษณา ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์จากผู้ผลิตชั้นนำแต่เพียงผู้เดียว และเป็นผู้ให้บริการในการให้คำแนะนำวิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ บำรุงรักษา ซ่อมแซ่ม ตลอดจนให้ความรู้ครอบคลุมการใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ตลอดจนเพื่อประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีเหตุการณ์และพัฒนาการที่สำคัญดังนี้

25 มกราคม 2565

EFORL ร่วมลงนามกับบริษัท ไมนด์เรย์ เมดิคอล (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเป็นสาขาของบริษัท Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics Co., Ltd. บริษัทด้านเมดิคอลเฮลท์แคร์ อันดับ 1 ของประเทศจีน เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์สำหรับวินิจฉัยภายนอกร่างกาย (InVitro Diagnostic)

8 เมษายน 2565

ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 899,519,617.275 บาท จากเดิม 2,998,398,708.975 บาท เป็น 3,897,918,326.25 บาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 11,993,594,897 หุ้น มูล ค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท
  • อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด คือ นายปรีชา นันท์นฤมิต จำนวนไม่เกิน 47 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท โดยเสนอขายราคาตลาด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้โดยการรวมหุ้นเพื่อมิให้เกิดเศษหุ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น
  • อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทโดยการรวมมูลค่าที่ตราไว้(รวมหุ้น) จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท เป็นหุ้นละ 0.75 บาท
  • อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 5 (EFORLW5) จำนวนไม่เกิน 799,572,990 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้
  • อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 6 (EFORLW6) จำนวนไม่เกิน 399,786,495 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิจองซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ EFORL-W5 ตามสัดส่วนการจองซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้
  • อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิEFORLW5 และใบสำคัญแสดงสิทธิEFORL-W6 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้

11 เมษายน 2565

EFORL เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากเดิม 2,998,398,708.975 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 39,978,649,453 หุ้น เป็น 2,998,398,712.50 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 39,978,649,500 หุ้น จากการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (PP) จำนวน 47 หุ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง มูลค่าหุ้นที่ตราไว้โดยการรวมหุ้นเพื่อมิให้เกิดเศษหุ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น

21 เมษายน 2565

EFORL เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัทโดยการรวมหุ้น จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท เป็นหุ้นละ 0.75 บาท ทำให้จำนวนหุ้นจดทะเบียนและจำนวนหุ้นจดทะเบียนชำระแล้ว เปลี่ยนแปลง ดังนี้

  • จำนวนหุ้นจดทะเบียนจากเดิม 51,972,244,350 หุ้น เปลี่ยนแปลงเป็น 5,197,224,435 หุ้น
  • จำนวนหุ้นจดทะเบียนชำระแล้วจากเดิม 39,978,649,500 หุ้น เปลี่ยนแปลงเป็น 3,997,864,950 หุ้น

5 กรกฎาคม 2565

EFORL เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากเดิม 2,2,998,398,712.50 บาท จำนวนหุ้น สามัญ 39,978,649,500 หุ้น เป็น 2,998,398,735.00 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 3,997,864,980 หุ้น จากการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ (EFORL-W5) จำนวน 30 หน่วย แปลงเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 30 หุ้น

24 พฤศจิกายน 2565

EFORL ร่วมลงนามกับ บริษัท แอดวานซ์ สเตอริไลเซชั่น โปรดักส์ (ไทยแลนด์)จำกัด ในการแต่งตั้ง ให้ EFORL เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ STERRAD ซึ่งเป็นเครื่องทำลายเชื้อด้วยระบบไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ แก๊สพลาสมา ที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ มีความปลอดภัยต่อเครื่องมือแพทย์ ผู้ป่วย ผู้ใช้งาน และเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม อันเป็นที่ยอมรับจากสถานพยาบาลทุกระดับ ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก

9 กุมภาพันธ์ 2564

ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้

  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจํานวน 765,052,653.075 บาท จากเดิม 3,181,554,810.300 บาท เป็น 2,416,502,157,225 บาท โดยวิธีการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จําหน่ายจํานวน 10,200,702,041 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจํานวน 581,896,551.750 บาท จากทุนจดทะเบียนจํานวน 2,416,502,157.225 บาท เป็นจํานวน 2,998,398,708.975 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ จํานวน 7,758,620,690 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท
  • อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 7,758,620,690 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากัด 3 ราย ในราคาหุ้นละ 0.0348 บาท คิดเป็นมูลค่า รวม 270,000,000 บาท

14 พฤษภาคม 2564

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2560 มีมติอนุมัติขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท สยามสเนล จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทถือหุ้นอยู่จํานวน 10,200 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51 จากจํานวนหุ้น ทั้งหมดของบริษัทสยามสเนล ซึ่งได้ทําการขายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2554 ในราคาหุ้นละ 1 บาท รวมเป็นเงินจํานวน 1,020,000 บาท ให้แก่บุคคลอื่น

4 มิถุนายน 2564

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2560 มีมติขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) (“WCIH”) ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จํานวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 56 จากจํานวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท WCIH ตกลงขายในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินจํานวน 1,018,499.93 บาท ให้แก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน ส่งผลให้ WCIH สิ้นสภาพการ เป็นบริษัทย่อยของบริษัท บริษัทตกลงทําสัญญาซื้อขายและได้รับเงินค่าหุ้นเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564

19 กรกฎาคม 2564

ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2564 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้

  • แก้ไขวัตถุประสงค์ของบริษัทและแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 3. เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัทจากเดิม 50 เป็น 54 ข้อ
  • รับทราบรายการขายหุ้นสามัญของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด

28 กุมภาพันธ์ 2563

EFORL ได้รับสิทธิบัตรโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของระบบบันทึกข้อมูลด้วยอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับงาน ผู้ป่วยฟอกไต (Hemodialysis Electronics Data Recording) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

EFORL ได้รับสิทธิบัตรโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของระบบบันทึกข้อมูลด้วยอีเล็กทรอนิกส์ สำหรับงาน วิสัญญี (Anesthesia Electronics Data Recording) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

26 มีนาคม 2563

EFORL เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากเดิม 2,416,263,899.40 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 32,216,851,992 หุ้น เป็น 2,416,501,912.80 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 32,220,025,504 หุ้น จาก การใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (RO) จานวน 3,173,512 หุ้น

9 มิถุนายน 2563

EFORL เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากเดิม 2,416,501,912.80 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 32,220,025,504 หุ้น เป็น 2,416,502,157.225 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 32,220,028,763 หุ้น จาก การใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ EFORL-W3 และ EFORL-W4 เป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,259 หุ้น

14 สิงหาคม 2563

EFORL ร่วมลงนามกับ บริษัท บี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการแต่งตั้งให้ EFORL เป็น ตัวแทนจาหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ บี. บราวน์ Avitum สินค้ากลุ่มเครื่องมือแพทย์โรคไต ซึ่ง ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย อันได้แก่ เครื่องฟอกเลือดชนิดต่อเนื่อง (Continuous renal replacement therapy, CRRT) ที่ใช้กับผู้ป่วยวิกฤต รวมทั้งเครื่องไตเทียมด้วย

2 มกราคม 2562

WCIH ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทย่อยทางอ้อม โดยซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท วุฒิศักดิ์ คอสเมติกอินเตอร์ จำกัด บริษัท ดับบลิว เวลเนส อินเตอร์ จำกัด และ บริษัท ดับบลิว. เอส. เซอร์จีรี่ 2014 จำกัด จาก WCIG ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (par value)

4 เมษายน 2562

WCIH ได้รับชำระเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 220.00 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการลงทุนของบริษัทใน WCIH ลดลงจากร้อยละ 63.70 เป็นร้อยละ 56.00

5 เมษายน 2562

WCIH ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทย่อยทางอ้อม โดยซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท วุฒิศักดิ์ ฟาร์มาซีอินเตอร์ จำกัด จาก WCIG ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (par value)

28 พฤษภาคม 2562

EFORL ร่วมลงนามกับ GE Healthcare Pte. Ltd. ประเทศสิงคโปร์ สำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคของบริษัท GE Healthcare (NYSE:GE) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย EFORL ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ GE ในกลุ่ม Enterprise Digital Solutions ในประเทศไทย ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ GE CentricityTM Cardio Enterprise ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลด้านหัวใจและหลอดเลือดแบบครบวงจร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูลภาพ และภาพเคลื่อนไหวทางการแพทย์ในการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น การเพิ่มการขายสินค้าใหม่ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจทางด้าน Software Solutions ซึ่งเป็นกลยุทธ์การขยายสายผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเครื่องมือแพทย์

5 พฤศจิกายน 2562

ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้

  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 604,065,974.85 บาท จากเดิม 2,577,488,835.45 บาท เป็น 3,181,554,810.30 บาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 8,054,212,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท
  • อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ 0.05 บาท ต่อหุ้น

21 พฤษภาคม 2561

ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้

  • ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 228,062,767 บาท จากเดิม 1,597,429,666 บาท เป็นจำนวน 1,369,367,099 บาท โดยวิธีการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 3,040,836,894 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 1,208,121,737 บาท จากทุนจดทะเบียนจำนวน 1,369,367,099 บาท เป็น 2,577,488,835 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 16,108,289,826 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท เพื่อเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 5 ราย ในราคาหุ้นละ 0.040 บาท รวม 644,331,593 บาท

ในระหว่างปี บริษัทได้รับชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัดจำนวน 5 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 644.33 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญรวม 16,108 ล้านหุ้น

29 มิถุนายน 2561

ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ WCIH ครั้งที่ 2/2561 ที่ประชุมมีมติอนุมัติดังนี้ 1) แปรสภาพบริษัทจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชนจำกัด (ดำเนินการแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561) 2) เพิ่มทุนจดทะเบียนของ WCIH จำนวน 870,000,020 บาท จากเดิม 1,160,000,000 บาท เป็น 2,030,000,020 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 87,000,002 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท (ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561)

29 มิถุนายน 2561

ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ WCIH ครั้งที่ 2/2561 มีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่

14 สิงหาคม 2561

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 15/2561 มีมติจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WCIH จำนวน 43.65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยจ่ายชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนใน WCIH จำนวน 436.50 ล้านบาท ในระหว่างไตรมาส 3 ของปี 2561

31 ธันวาคม 2561

WCIH ได้รับชำระเงินเพิ่มทุนจำนวน 438.91 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการลงทุนของบริษัทใน WCIH เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50.17 เป็นร้อยละ 63.70

30 มกราคม 2560

  • บริษัทได้แปลงสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 2 หรือ EFORL-W2) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2559 จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ 4,590,747,930 หน่วย คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ 4,590,747,930 หุ้น ราคาการใชิสิทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้รับเงินจากการใชิสิทธิแปลงสภาพ EFORL-W2 เป็นเงินจำนวน 459,074,793 บาท และบริษัทได้นำเงินดังกล่าวไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถานบันการเงินทั้งหมด

7 เมษายน 2560

  • บริษัทได้มีมติให้เสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 เพื่อพิจารณาอนุมัติ และได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น

1 พฤษภาคม 2560

  • บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการดำเนินงานโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์เวชระเบียนหน่วยโรคไต กับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

18 พฤษภาคม 2560

  • จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นสามัญ (Right offering) จำนวน 4,596,920,476 หุ้น อัตรา (หุ้นเดิม: หุ้นเพิ่มทุน) 3.0 : 1.0 ราคาจองซื้อ 0.14 บาท ต่อหุ้น จำนวนหุ้นที่ขายได้ 2,317,528,396 หุ้น จำนวนหุ้นคงเหลือ 2,279,392,080 หุ้น จำนวนเงินที่ได้รับรวม 324,453,975.44 บาท

29 พฤษภาคม 2560

  • บริษัทเริ่มซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,317,528,396 หุ้น

2 มิถุนายน 2560

  • บริษัทเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 3 (EFORL-W3) ซึ่งได้จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุนเพิ่มทุนราคาที่เสนอขาย 0.00 บาท ต่อหน่วยซึ่งขายได้ทั้งหมดจำนวน 1,337,429,167 หน่วย
  • บริษัทเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 4 (EFORL-W4) ซึ่งได้จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุนเพิ่มทุนราคาที่เสนอขาย 0.00 บาท ต่อหน่วยซึ่งขายได้ทั้งหมดจำนวน 772,508,987 หน่วย

30 มิถุนายน 2560

  • บริษัทขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้จำนวน 2,317,528,396 หุ้น เป็นเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้นจำนวน 324,453,975.44 บาท โดยบริษัทนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าวทั้งหมดชำระเงินกู้ยืมจากธนาคารตามวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว

16 ธันวาคม 2560

  • บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "ว่าด้วยการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบอิเลคทรอนิกส์เวชระเบียนงานระงับความรู้สึก" (Siriraj Anesthesia Electronic Medical Record : Sia-EMR) กับคณะแพทยศสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

กุมภาพันธ์ 2559

  • บริษัทได้รับการแต่งตั้งจาก BORSAM Biomedical Instruments Co., Ltd. เป็นตัวแทนจําหน่ายเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

มีนาคม 2559

  • บริษัท สยามสเนล จํากัด เปิดฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศแห่งแรกของเอเชีย ณ หมู่ที่ 2 ถนนร่วมพัฒนา เขตหนองจอก กรุงเทพฯ บนพื้นที่ 10 ไร่ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์“สเนลเอท – Snail 8”

เมษายน 2559

  • บริษัท สยามสเนล จํากัด ได้รางวัลเหรียญทองในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติครั้งที่ 44 (44th International Exhibition of Invention of Geneva) ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พฤษภาคม 2559

  • บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อว่า บริษัท ไอเฮลธ์ วี-แคร์ จํากัด เพื่อรองรับการทํากิจการร่วมค้าและขยายเครือข่ายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนกับบริษัท iHealth Lab Inc., Silicon Valley, California. ประเทศสหรัฐอเมริกา (iHealth) ในธุรกิจตัวแทนจําหน่ายเครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ ยี่ห๎อ iHealth

มิถุนายน 2559

  • นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ลาออกจากตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (Chief Financial Officer – CFO)

กรกฎาคม 2559

  • ผลิตภัณฑ์ของสยามสเนล ภายใต้แบรนด์ “Snail 8” ได๎รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของประเทศไทย (Premium Products of Thailand – The Pride of Thais) ในงานมหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี (Thailand Industry Expo 2016)

สิงหาคม 2559

  • การใช้สิทธิครั้งสุดท้ายของใบสําคัญแสดงสิทธิ (EFORL-W2) วันที่ 22 สิงหาคม 2559

กันยายน 2559

  • บริษัทเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนชําระแล้ว จากเดิม 690,001,012.50 บาท จํานวนหุ้นสามัญ 9,200,013,500 หุ้น เป็น 1,034,307,107.25 บาท จํานวนหุ้นสามัญ 13,790,761,430 หุ้น จากการใช้สิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ (EFORL-W2) จํานวน 4,590,747,930 หนํวย แปลงเป็นหุ้นสามัญจํานวน 4,590,747,930 หุ้น

ธันวาคม 2559

  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เลิกกิจการและชําระบัญชีของบริษัท ไอเฮลธ์ วี-แคร์ จํากัด เนื่องจากความไมํชัดเจนในการให้สิทธิการจัดจําหน่ายสินค้าในประเทศอาเซียน ซึ่งไม่เป็นไปตามบันทึกข๎อตกลง

มกราคม 2558

  • WCIG ได้ทำว่าจ้าง บจก. 15 ที่ปรึกษาธุรกิจ ทำการประเมินมูลค่าธุรกิจของ WCIG ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 โดย บจก. 15 ที่ปรึกษาธุรกิจ มีความเห็นว่ามูลค่าตลาด (Market Value) ของธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 มีมูลค่าประมาณ 5,400.0 ล้านบาท (ห้าพันสี่ร้อยล้านบาท)

มิถุนายน 2558

  • บริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท สยามสเนล จำกัด ("สยามสเนล-Siam Snail") จำนวน 51,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นร้อยละ 51.00 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว (1.0 ล้านบาทถ้วน)
  • สยามสเนล ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเมือกหอยทาก(Filtrate) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่มีส่วนผสมจากเมือกหอยทาก โดยได้รับสิทธิในการดำเนินงาน (License to operate) แต่เพียงผู้เดียว (Solely) ในกระบวนการผลิตการเมือกหอยทากและการควบคุมคุณภาพเมือกหอยซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางปัญญา (Intellectual property -IP) จาก สถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( www.cuipi.chula.ac.th)

กรกฎาคม 2558

  • บริษัท สยามสเนล จํากัด เพิ่มทุนจาก 1.0 ล้านบาท เป็น 20.0 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงดํารงสัดส่วนการถือหุ้นร๎อยละ 51.0

กันยายน 2558

  • บริษัทขายหุ้นสามัญในบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จํากัด (WCIH) จํานวน 9,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 55.0 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 495.0 ล้านบาท ซึ่งได้จําหน่ายหน่ายแก่นักลงทุน 2 ราย ที่ไม่ได้เป็นบุคคลเกี่ยวโยงกับบริษัท
  • บริษัทชําระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 480.0 ล้านบาท หน่ายแก่ WCIH โดยเป็นการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน จํานวน 9,600,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 50.0 บาท และ WCIH ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนรวมเป็นเงินจํานวน 1,096.0 ล้านบาท

ตุลาคม 2558

  • บริษัทขายหุ้นสามัญในบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จํากัด (WCIH) จํานวน 8,800,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 55.0 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 484.0 ล้านบาท โดยจัดจําหน่ายให้นักลงทุน 2 รายที่ไม่ได้เป็นบุคคลเกี่ยวโยงกับบริษัท
  • บริษัทชําระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิจํานวน 320.0 ล้านบาท ให้แก่ WCIH โดยเป็นการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิจํานวน 6,400,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 50.0 บาทและ WCIH ได้ดําเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนและแก๎ไขหนังสือบริคณฑ์สนธิ ข้อ 5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ทําให้ WCIH มีทุนจดทะเบียน จํานวน 1,160.0 ล้านบาท โดยมีจํานวนหุ้นสามัญ116.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10.0 บาท
  • บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ iHealth Lab Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ iHealth แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 3 ปีบริษัทแต่งตั้งนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (Chief FinancialOfficer – CFO)

พฤศจิกายน 2558

  • บริษัท สยามสเนล จํากัด ได้รับรางวัลเหรียญทองการประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ (Seoul International Invention Fair 2015-SIIF) ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

ธันวาคม 2558

  • บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จํากัด (WCIG) ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI หรือ Joint Commission International ซึ่งเป็นสถาบันด้านการประกันคุณภาพของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นองค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกําไร มีวัตถุประสงค์เพื่อสํงเสริมการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย ได้แก่ สถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยวุฒิศักดิ์ คลินิก สาขาสยามสแควร์ ถือเป็นสาขาแรกของวุฒิศักดิ์ที่ได้รับการรับรองมาตราฐาน JCI ซึ่งถือได้ว่าวุฒิศักดิ์ คลินิก สาขาสยามสแควร์ เป็นคลินิกความงามแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า “วุฒิศักดิ์ คลินิก” มีการให้บริการที่มุ่งเน้นคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้รับบริการ และบุคลากรในคลินิกเป็นสําคัญ สามารถตรวจสอบได้และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
  • บริษัทได้รับรองมาตรฐานระบบประกันคุณภาพ ISO 9001 เวอร์ชั่น 2008 ทางด้าน Provision of Sale, Import-Export for Medical Equipments ระยะเวลาตั้งแต่17 ธันวาคม 2558 – 16 ธันวาคม 2561

กุมภาพันธ์ 2557

  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร มีมติแต่งตั้งให้ “นายปรีชา นันท์นฤมิต” ดำรงตาแหน่งประธานกรรมการบริหาร
  • ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่จากเดิม เลขที่ 1768 ชั้น 24 อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เป็น เลขที่ 184 ถนนราชวิถี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

เมษายน 2557

  • ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนบริษัท จำนวน 345,000,506.25 บาท จาก 1,380,002,025.00 บาท เป็น 1,035,001,518.75 บาท โดยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 0.10 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.075 บาท

พฤษภาคม 2557

  • บริษัทลงนามบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาสิทธิบริหารพื้นที่ในการโฆษณา, จัดกิจกรรมและการบริหารร้านค้าย่อยรถเข็น (Kiosk) ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี (สัญญา) ฉบับลงวันที่ 29 กันยายน 2557 ขยายระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม 2557

มิถุนายน 2557

  • คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ บริษัทซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แดทโซ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“แดทโซ”) จำนวน 360,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นร้อยละ 18 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยซื้อในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 36.0 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นของแดทโซรายหนึ่ง ซึ่งมิได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท
  • คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจาหน่ายหุ้นสามัญ บริษัท เอนโม จำกัด จานวน 6,999,996 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว รวมเป็นเงิน 34,999,980 บาท (สามสิบสี่ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ให้แก่นายกิตติพงษ์ ธรรมชุตาภรณ์ ซึ่งไม่เป็นบุคคลเกี่ยวโยงหรือบุคคลที่เกี่ยวกับบริษัทแต่อย่างใด

มิถุนายน 2557

  • บริษัทดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะหรือการสอบทานพิเศษ (Due Diligence) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการซื้อหุ้น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (WCIG) และบริษัทย่อย โดยได้แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ดังนี้:-
    • 1) ที่ปรึกษาทางการเงิน – บริษัท แอดไวเซอรี่พลัส จำกัด
    • 2) ที่ปรึกษากฎหมาย – บริษัท วีระวงศ์ ชินวัฒน์ และเพียงพะนอ จำกัด
    • 3) ที่ปรึกษาด้านวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านบัญชีและภาษี – บริษัท สานักงานเอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด
    • 4) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ – บริษัท แคปปิตอล แอ็ดวานเทจ จำกัด
    • 5) ที่ปรึกษาด้านการระดมทุน – บริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด

กันยายน 2557

  • บริษัทมีมติจัดตั้งบริษัทใหม่ “บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด” (WCI Holding Co.,Ltd. หรือ “WCIH”) เพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ด้วยทุนจดทะเบียน 1.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามกลุ่ม 1) บริษัทถือหุ้นร้อยละ 60, 2) ผู้ก่อตั้ง WCIG เดิมถือหุ้นร้อยละ 25 และ 3) กองทุนโซลาริส ถือหุ้นร้อยละ 25 โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยผู้ลงทุนต้องชำระในราคา 25 บาทต่อหุ้น

ธันวาคม 2557

  • มติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อ 21 พ.ย. 57 ให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน WCIH จาก 1.0 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 99.9 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 2,497.50 ล้านบาท
  • บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บจก.วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป (WCIG) ผ่าน บจก. ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 ของจานวนหุ้นทั้งหมด

WCIG เป็นกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ในธุรกิจเสริมความงามและผิวพรรณอย่างครบวงจร ที่เน้นให้คำปรึกษาและตรวจรักษาปัญหาด้านผิวพรรณ และลดกระชับสัดส่วน ภายใต้ชื่อ “วุฒิศักดิ์ คลินิก” ซึ่งมีสาขาให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ WCIG ยังมีการให้บริการลักษณะ ฟรานไชส์ในต่างประเทศ (กลุ่ม CLMV – Cambodia, Laos, Myanmar และ Vietnam) WCIG มีบริษัทย่อยทั้งหมด 4 บริษัท ประกอบด้วย:-

  • 1. บจก.วุฒิศักดิ์ คอสเมติก อินเตอร์ (“WCI”) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (เช่น น้า กลูต้า เฮลติ (Gluta Healthi), Collagen VitC, Prune Berry, Click Coffee) และเครื่องสำอาง
  • 2. บจก.วุฒิศักดิ์ ฟาร์มาซี อินเตอร์ (“WPI”) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
  • 3. บจก.วุฒิศักดิ์ แกรนด์ อินเตอร์ (“WGI”) ปัจจุบันไม่มีการดำเนินธุรกิจ
  • 4. บจก.ดับบลิว.เอส.เซอร์จีรี่ 2014 (“WSS”) ดำเนินธุรกิจให้บริการเสริมความงาม
  • ธันวาคม 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของ WCIG มีมติอนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการย่อยขึ้นมา 4 คณะ ประกอบด้วย:-
    • 1. คณะกรรมการตรวจสอบและบริหารความเสี่ยง
    • 2. คณะกรรมการบริหาร
    • 3. คณะกรรมการการบริการทางการแพทย์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ
    • 4. คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน
  • โดยกำหนดขอบเขตและอำนาจหน้าที่ของกรรมการแต่ละคณะเพื่อให้ WCIG มีการบริหารงานให้เป็นไปตามมาตรฐานบริษัทชั้นนำในอนาคต เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ก.ล.ต.”) และผู้ถือหุ้น มีความมั่นใจว่า WCIG มีระบบการควบคุมภายในที่ดีเหมาะสมกับกิจการ

มกราคม 2556

  • บริษัทได้สิ้นสุดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานทางการศึกษาและองค์ความรู้อื่น (uNetwork.TV) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

พฤษภาคม 2556

  • บริษัทได้สิ้นสุดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานทางการศึกษาและองค์ความรู้อื่น (uNetwork.TV) กับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

มิถุนายน 2556

  • บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 280,000,900 บาท เป็น 1,380,002,025 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 11,000,011,250 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท รวม 1,100,001,125 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement – PP) จำนวน 5,000,000,000 หุ้น ราคาขายต่อหุ้น 0.10 บาท สำหรับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวน 1,400,004,500 หุ้น ราคาขายต่อหุ้น 0.10 บาท และเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ เพิ่มทุนที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 4,600,006,750 หน่วย
  • บริษัทได้รับทุนจดทะเบียนชำระแล้วจาก 280,000,900 บาท เป็น 780,000,900 บาท ซึ่งทุนจดทะเบียนที่ได้รับการชำระนั้นมาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนสาหรับบุคคลในวงจากัด (Private Placement – PP) จำนวน 5,000,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.10 บาทต่อหุ้น รวม 500,000,000 บาท

กรกฎาคม 2556

  • บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วจาก 780,000,900 บาท เป็น 920,001,350 บาท โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วดังกล่าวนี้ มาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวน 1,400,004,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.10 บาทต่อหุ้น รวม 140,000,450 บาท

สิงหาคม 2556

  • บริษัทได้แต่งตั้งนายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer – CEO) ของบริษัท
  • บริษัทได้จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งที่ 2 (EFORL-W2) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 4,600,006,750 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย

กันยายน 2556

  • บริษัทได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัทเดิม “บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน)” เป็น “บริษัท อี ฟอร์แอล เอม จำกัด (มหาชน)” พร้อมเปลี่ยนสัญลักษณ์ (Logo) ของบริษัท
  • บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นสามัญของบริษัท สเปซเมด จำกัด (“สเปซเมด”) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจาหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ (อาทิ GE, BioSystems, Sinopharm, DIAMOND, Olympus, NK, Carestream, CareFusion เป็นต้น) จำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท สเปซเมด จำกัด ในราคาหุ้นละ 287.83 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,391,255 บาท
  • ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท เอนโม จำกัด (บริษัทย่อย) จำนวน 6,999,996 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยขายในราคาทุนหุ้นละ 4.83 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33.80 ล้านบาท และมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินการหานักลงทุนที่มีความสนใจในธุรกิจเกม ออนไลน์ โดยบุคคลหรือนิติบุคคลที่รับซื้อหุ้นของบริษัท เอนโม จำกัด ต้องไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท

ตุลาคม 2556

  • บริษัทได้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานทางการศึกษาและองค์ความรู้อื่น (uNetwork.TV) กับมหาวิทยาลัยศรีปทุม
  • บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท สเปซเมด จำกัด จำนวน 45.0 ล้านบาท โดยบริษัท สเปซเมด จำกัด ออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นสามัญจำนวน 450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทไว้ โดยบริษัท สเปซเมด จำกัด นำเงินเพิ่มทุนดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

พฤศจิกายน 2556

  • บริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์การแพทย์ยี่ห้อ “Hamilton” โดยมีเขตความรับผิดชอบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย

ธันวาคม 2556

  • บริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์การแพทย์ยี่ห้อ “NIHON KOHDEN” โดยมีเขตความรับผิดชอบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย
  • บริษัทได้ยกเลิกสัญญาบริการมัลติมีเดียกับบริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท สุขุมวิทซิตี้มอลล์ จำกัด
  • บริษัทยกเลิกบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการติดตั้งและบริหารสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ ระหว่าง Home Fresh & Gourmet market (Shelf Media) ในศูนย์การค้าเดอะมอลล์

พฤศจิกายน 2555

  • บริษัทได้จดทะเบียนเลิกบริษัทย่อย คือ บริษัท อรูมายไลท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาธุรกิจ ให้คำปรึกษาและจัดกิจกรรมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.99

    ซึ่งการยกเลิกบริษัทย่อยนี้ ไม่ส่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากบริษัทได้เข้าดำเนินกิจการแทนบริษัทย่อย และยังคงธำรงรักษาฐานลูกค้าไว้

ธันวาคม 2555

  • บริษัทได้สิ้นสุดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานทางการศึกษาและองค์ความรู้อื่น (uNetwork.TV) กับมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • บริษัทได้สิ้นสุดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการติดตั้งและโฆษณาประเภทต่าง ๆ กับกลุ่มบริษัทเดอะมอลล์ ในการแสดงความร่วมมือการสนับสนุนโครงการติดตั้งและบริหารสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ คือ สื่อโฆษณาบริเวณบันไดเลื่อน และประตูห้องน้า (Sticker Wrap) ซุ้มประตู (Arch) หน้าลิฟท์ (Sticker Wrap) และสื่อโฆษณา Mock Up ให้แก่ Home Fresh Mart ของศูนย์การค้าเดอะมอลล์
-->