ประกาศความเป็นส่วนตัว
ประกาศความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
1. บทนำ
บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงออกประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ ได้ทราบแนวทางในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่ออธิบายวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่ออธิบายสิทธิต่าง ๆ ที่ท่านมีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงช่องทางในการใช้สิทธิดังกล่าวเพื่อการรักษาสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อบริษัท.
2. นิยาม
“ท่าน” หมายถึง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท (หมายถึง บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)) ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ลูกค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง.
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต.
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล.
“ประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การบล็อกหรือจำกัด การลบหรือการทำลาย.
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล.
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล.
3. รายละเอียดทั่วไป
ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผล ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท ประกอบกิจการในประเทศไทย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจึงอยู่ภายใต้บังคับและต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย.
4. เกี่ยวกับบริษัท
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท (www.eforl-aim.com)
บริษัทจะประมวลผลและรักษาให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามรายละเอียดที่กำหนดในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้.
5. วิธีเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคล
5.1 บริษัท เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง: ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง กรณีนี้มักเกิดขึ้นเมื่อท่านติดต่อกับบริษัท เพื่อสอบถาม กรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ โดยทางออนไลน์หรือโดยเอกสาร ติดต่อเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการหรือร่วมกิจกรรม สอบถามข้อมูล รับการติดต่อสื่อสารทางการตลาด หรือให้ความเห็น/คำติชมแก่บริษัท เป็นต้น.
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ: บริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางอย่างเกี่ยวกับอุปกรณ์ กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดูนโยบายการใช้คุกกี้ ใน ตอนท้ายของเว็บไซต์ www.eforl-aim.com.
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากบุคคลภายนอก: บริษัท อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอกเป็นครั้งคราว อาทิ พันธมิตรคู่ค้า ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร ผู้ให้บริการ นายหน้าจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ คู่สัญญาและผู้ประกอบวิชาชีพ บุคลากรของบริษัท และผู้สมัคร
สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของคู่ค้า ที่ปรากฏในบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ หรือ บัตรข้าราชการ อาทิ ศาสนา กลุ่มเลือด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทข้อ 3.2 บริษัทจะไม่เก็บรักษาไว้ โดยให้คู่ค้าขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวในสำเนาเอกสารเสีย หากคู่ค้ามิได้ขีดฆ่าแต่อย่างใด บริษัททำการขีดฆ่าออกเอง.
5.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเพื่อให้บริษัท สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้.
6. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
6.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวมรวบภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
- ลูกค้า ผู้สนใจ ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่สนใจซื้อหรือได้ซื้อผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์จากบริษัท และบุคคลอื่นใดซึ่งติดต่อเพื่อขอข้อมูลหรือขอรับบริการจากบริษัท ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยทางตรงหรือทางอ้อม.
- คู่ค้า คู่สัญญา ผู้ประกอบวิชาชีพ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่เป็นคู่สัญญาหรือมีความเกี่ยวข้องตามสัญญาใด ๆ กับบริษัท ซึ่งหมายความรวมถึงคู่ค้า ผู้ขาย ผู้จัดหา ผู้ให้บริการ ผู้รับทำงาน ที่ปรึกษา ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ให้บริการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ และบุคคลอื่น ๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกัน.
- บุคลากรของบริษัท ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่เป็นพนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลใดที่ทำงานให้แก่บริษัท กรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา ลูกจ้างชั่วคราว นักศึกษาฝึกงาน พนักงานลูกจ้างตามโครงการ พนักงานทดลองงาน ผู้เชี่ยวชาญและบุคคลที่ได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือผลตอบแทนอื่นใดโดยตรงจากบริษัท และหมายความรวมถึงบุคคลในครอบครัวของบุคลากรของบริษัท.
- ผู้สมัคร ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่ได้ยื่นใบสมัครหรือรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวมาที่บริษัท ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสมัครงาน/สมัครฝึกงาน/สมัครทุน เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง/ผู้ฝึกงาน/ผู้ขอรับทุนของบริษัท ซึ่งยังไม่ได้รับคัดเลือกจากบริษัท และหมายความรวมถึงบุคคลในครอบครัวผู้สมัคร และบุคคลอ้างอิง.
6.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและอยู่ภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น
- ข้อมูลส่วนตัว อาทิ ชื่อนามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ รูปถ่าย หมายเลขและสำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อ สัญชาติ สถานภาพสมรส และข้อมูลบุคคลในครอบครัว.
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ผลการตรวจสุขภาพ ความพิการ และข้อมูลชีวภาพ (เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทข้อ 3.2 ซึ่งข้อมูลนี้ บริษัทจะไม่เก็บรักษาไว้ ขอให้ท่านขีดฆ่าเสีย มิฉะนั้นบริษัทจะดำเนินการขีดฆ่าออกเอง)
- ข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย และรายละเอียดบุคคลที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน.
- ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน อาทิ หมายเลขบัญชีธนาคาร และข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากรต่าง ๆ.
- ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม และการทำงาน อาทิ ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรม หนังสือรับรองคุณวุฒิหรือใบแสดงผลการศึกษา ผลคะแนนหรือระดับคะแนน ระดับการศึกษา ความสามารถทางภาษา ข้อมูลใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ เลขที่ทะเบียน วันที่เริ่มอายุทะเบียน วันที่หมดอายุทะเบียน การต่ออายุทะเบียน ข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่ วันที่เริ่มงาน ข้อมูลการอบรมและข้อมูลการทดสอบซึ่งจัดโดยบริษัท หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง วุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตร ประวัติการทำงาน เงินเดือนหรือค่าจ้าง.
- ข้อมูลอื่นๆ อาทิ บันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ภาพถ่าย บันทึกภาพและเสียง บันทึกเสียงการสนทนา และข้อมูลแสดงแนวโน้มการซื้อสินค้าหรือบริการ.
6.3 ในกรณีที่บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทจะดำเนินการกับข้อมูลดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้.
7. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (รวมเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”) และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น.
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท.
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นนอกเหนือไปจากบริษัท.
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐตามที่กำหนดในกฎหมาย.
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล.
- เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน.
- ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้ หากบริษัท ขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่านสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัท สามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่าน.
7.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 6.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรือบริษัท อาจจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัท อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการให้บริการที่เกี่ยวข้องต่อท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน.
7.3 ในกรณีที่บริษัท จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลในวัตถุประสงค์ดังกล่าว ท่านควรอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องดังกล่าวร่วมกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้.
8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่หน่วยงานและบุคคลดังต่อไปนี้.
- บริษัท และให้หมายความรวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคลากรของบริษัทเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามจำเป็น (need-to-know basis) เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน.
- หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญา.
- หน่วยงานที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อาทิ การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด และศาล.
- สมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตลาดทุนในประเทศไทย อาทิ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมธนาคารไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย.
- บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ บริษัทสมาชิก บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นายหน้าซื้อขาย ค้า หรือจัดจำหน่ายหลักทรัพย์.
- พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท มอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ให้บริการ หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ด้านการพัฒนาปรับปรุง หรือดูแลรักษามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบทางบัญชี การตรวจสอบภายในด้านระบบงาน การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล หรือการให้บริการอื่นใดอันอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน.
8.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน.
8.3 ในกรณีที่บริษัท เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด.
9. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ.
9.2 บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดและโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจสำหรับแต่ละประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล หลังจากระยะเวลาดังกล่าว บริษัทอาจทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเช่นว่านั้นจากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัท โดยไม่มีการแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า.
10. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
บริษัท ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการผู้เยาว์เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยลักษณะขององค์กร ผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัทนั้น บริษัทอาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นครั้งคราว ในกรณีดังกล่าวนั้น บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ ซึ่งรวมถึงการขอความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้ใช้อำนาจปกครองตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด.
11. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อในข้อ 14. วิธีการติดต่อ (ซึ่งแสดงไว้ในหน้าที่ 9).
- 11.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่จำต้องขอความยินยอมจากท่าน เท่าที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตให้กระทำได้. - 11.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด. - 11.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัทจะดำเนินการดังกล่าว หากกลุ่มบริษัท- อาศัยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา (บริษัทและท่าน) หรือของบุคคลภายนอก หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ในกรณีที่บริษัท สามารถแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือการยกข้อต่อสู้ตามกฎหมาย หรือ.
- ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ของการตลาดแบบตรง.
- ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท.
ในกรณีที่ท่านคัดค้านการประมวลผล โปรดระบุว่าท่านประสงค์ให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือระงับไม่ให้บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว.
- 11.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านอาจขอให้บริษัท ลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้.- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน.
- ท่านถอนความยินยอมที่เป็นฐานในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัท ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอีกต่อไป.
- ท่านได้คัดค้านการประมวลผลตามข้อ 11.3 หรือ.
- เมื่อมีการเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีที่ระบุไว้ข้างต้นนี้จะไม่นำมาใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือสถิติ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ หรือประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ปฏิบัติตาม หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย. - 11.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้.- บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ.
- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลายตามข้อ 11.4 แต่ท่านประสงค์ให้ระงับการใช้แทน.
- บริษัท ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป แต่ท่านมีความจำเป็นและขอให้บริษัท เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ.
- บริษัท อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ตามข้อ 11.3 (1) หรือตรวจสอบตามข้อ 11.3 (3) เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของท่านตามข้อ 11.
- 11.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด. - 11.7 สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัท อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัท ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความครอบครองของบริษัท - 11.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน
หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 14. วิธีการติดต่อ (ซึ่งแสดงไว้ในหน้านี้ด้านล่าง) ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.).
บริษัทจะใช้พยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่านโดยไม่ชักช้า เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นก่อให้เกิดภาระแก่บริษัทเกินสมควร หรือเสี่ยงต่อการละเมิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ.
12. ความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ได้จัดทำและ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต.
13. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลภายนอก
การให้บริการของบริษัท อาจมีลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลภายนอกเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้ใช้เฉพาะสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดโดยบริษัทเท่านั้น บริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบุคคลภายนอกดังกล่าว แม้ว่าท่านจะกดลิงก์เชื่อมโยงที่ปรากฏบนการให้บริการของบริษัท ก็ตาม ทั้งนี้ ท่านควรใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว/นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ผลิตภัณฑ์ และบริการของบุคคลภายนอกเหล่านั้นด้วย.
14. วิธีการติดต่อ
หากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้นั้น ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ โดยผ่านช่องทางดังนี้
- บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)
432 ถนนราชวิถี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด
กรุงเทพมหานคร 10700
โทร.02-883-0871-9 แฟกซ์ 02-883-5051 อีเมล pdpa@eforl-aim.com.
นอกจากนี้ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยติดต่อทาง อีเมล dpo@eforl-aim.com.
15. กฎหมายที่ใช้บังคับ
ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทย และศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศความเป็นส่วนตัวนี้.
16. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวนี้
บริษัท อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ด้วยช่องทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม บริษัทใคร่ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบทบทวนประกาศความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว
ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันเดียวกัน และได้รับการแก้ไขล่าสุดครั้งที่ 1 เมื่อ 28 กันยายน 2565.